• cafnGUIDE
  • CafeHopping
  • DripCoffee
Jun 13, 2022

คอกาแฟล้วนคุ้นเคยกันดีกับ Hario แบรนด์อุปกรณ์กาแฟชื่อดังจากญี่ปุ่น ที่เกือบทุกคนต้องมีติดมุมกาแฟไว้ เราเองก็เช่นกันที่เริ่มทำกาแฟดื่มเองด้วย Hario V60 Dripper ดริปเปอร์ตัวดังที่แน่นอนว่าจัดอยู่ในหมวดหมู่ "ของมันต้องมี" แต่ก็ยังซื้ออุปกรณ์กาแฟเพิ่มไปเรียบร้อยกับสาขาธนิยะ พลาซ่า และตอนนี้ Hario Cafe Bangkok เปิดสาขาใหม่ที่ซอยสุขุมวิท 33 ซึ่งเป็นสาขาที่ 3 ของประเทศไทย ใจกลางเมืองย่านสุขุมวิท เอาใจคนทำงานที่ขาดกาแฟไม่ได้อย่างเรา แล้วเราจะพลาดได้อย่างไร

ด้านหน้าร้านกาแฟ Hario Cafe Bangkok

สุดยอดเมล็ดกาแฟ COE

บาร์กาแฟแบ่งออกเป็น 2 โซน โซนแรกเป็นสโลวบาร์ (Slow Bar) เป็นบาร์หลักที่เสิร์ฟกาแฟดริปและกาแฟไซฟ่อน (Syphon Coffee) โดยส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่ Specialty Tea สำหรับคอชาเขียว เสิร์ฟมัทฉะ (Matcha) เกรดพิเศษ และโซนสปีดบาร์ (Speed Bar) ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านใน สำหรับเสิร์ฟเมนูกาแฟอื่น ๆ เช่น อเมริกาโน่ ลาเต้ หรือ Dirty Coffee

สโลวบาร์ และมุมชาเขียวของ Hario Cafe Bangkok
สปีดบาร์ ที่สามารถมองวิวสวนญี่ปุ่นของ Hario Cafe Bangkok

ดื่มกาแฟที่ Hario Cafe Bangkok สาขาใหม่ทั้งที คงพลาดไม่ได้ที่จะลองกาแฟ COE หรือ Cup of Excellence กลุ่มสุดยอดเมล็ดกาแฟขึ้นชื่อของแบรนด์ ที่มาจากการประมูลในระดับโลก Hario เล่าให้เราฟังตั้งแต่ตอนที่เราสั่งเมล็ดกาแฟ Costa Rica 2021 Rank 26 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ Gesha จากฟาร์ม Flor de Montana มาลองดริปดื่มเองที่บ้านว่า COE นั้นต่างจาก Specialty Coffee ที่ต้องผ่านการประกวดจากหน่วยงานที่เรียกว่า ACE (Alliance For Coffee Excellence) โดยต้องผ่านการคัดเลือกตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ มีฟาร์มปลูกกาแฟที่ได้มาตรฐาน ผ่านกระบวนที่เชื่อได้ว่าจะได้เมล็ดกาแฟคุณภาพสูง และผ่านการ cupping ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากทีมผู้เชี่ยวชาญ มีคะแนนสูงกว่า 87 คะแนน เพื่อการันตีว่าเป็นกาแฟ COE นั่นเอง เมื่อดริปกาแฟระดับนี้ที่บ้านเองก็จะตื่นเต้นและตั้งใจเป็นพิเศษเชียวหล่ะ

บาริสต้ากำลังดริปกาแฟ COE ของ Hario Cafe Bangkok
บาริสต้ากำลังเทกาแฟดริปเพื่อเสิร์ฟ
กาแฟดริปที่ดื่ม เมล็ดกาแฟ COE

วันนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ลองชิมกาแฟดริป COE จากบาริสต้าดูบ้าง แล้วก็ไม่ผิดหวังเลยกับเมล็ดกาแฟ Colombia 2021 Rank 27 อาราบิก้าสายพันธุ์ Bourbon จากฟาร์ม Las Palmas ซึ่งผ่านกระบวนการแปรรูปกาแฟแบบ Natural Process ที่บาริสต้าเลือกให้เรา เมล็ดกาแฟตัวนี้ให้เทสโน็ต หรือรสชาติของกาแฟที่รู้สึกได้ถึงโกโก้ อัลมอนด์ แบล็กเบอร์รี ให้ความหวานอบอวลในปากโดยเฉพาะช่วง aftertaste

การดื่มกาแฟให้สนุกนั้น เราเองคิดว่าไม่ควรต้องเครียดกับการหารสชาติข้างซองให้เจอหรอกนะ คอกาแฟแต่ละคนก็น่าจะรับรู้รสชาติได้ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว คงเป็นความสนุกที่น่าค้นหาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด กับการหากาแฟดี ๆ ดื่มเพื่อพัฒนาการรับรู้รสชาติของตัวเราเองต่อไปนั่นแหละ

และสำหรับคนที่ต้องการดื่มกาแฟหวานอร่อยผสมเครื่องดื่มอื่นอย่างน้ำผลไม้ น่าจะชอบบรรดาเครื่องดื่มเมนูซิกเนเจอร์ เราเองได้ลองชิม Baked Apple Cold Brew ซึ่งเป็นกาแฟ Clod Brew ผสมกับน้ำลิ้นจี่ ยูสุ และน่าจะอีกหลายผลไม้ เสิร์ฟมาพร้อมกับชิ้นแอปเปิลอบเคลือบน้ำตาล สายกาแฟไม่ผสมอะไรเลยอย่างเราเองก็ยังชอบเลย รู้สึกสดชื่นเหมาะกับวันร้อน ๆ ทานคู่กับขนมแล้วดีต่อใจ

เมนูซิกเนเจอร์ Baked Apple Cold Brew ของ Hario Cafe Bangkok
เมนูกาแฟซิกเนเจอร์และขนมที่นั่งทานในร้าน
ขนมที่ทานคู่กับกาแฟ

สูตรดริปกาแฟจากบาริสต้า Hario Cafe Bangkok

เราพูดคุยกับบาริสต้าถึงการดริปกาแฟดื่มเอง โดยใช้เมล็ดกาแฟหายากหรือเมล็ดกาแฟที่ราคาค่อนข้างสูง รวมถึงสุดยอดกาแฟอย่าง COE เราเองเกิดความกลัวว่าเราจะดริปได้ไม่อร่อยพอสำหรับเมล็ดกาแฟนั้น คุณฟอร์ดบาริสต้าของ Hario Cafe Bangkok ในวันนั้นได้แชร์ความคิดให้เราฟังว่า "เรื่องรสชาติมันไม่ได้มีผิดถูกหรือสูตรตายตัว อาศัยประสบการณ์มากกว่า ถ้าชิมแล้วเราชอบก็ถือว่าผ่านแล้วนะ" และบอกสูตรดริปกาแฟที่ใช้เป็นประจำ นำไปทำตามได้ และสามารถปรับได้ตามความชอบของแต่ละคน ซึ่งทีมบาริสต้าเองแต่ละคนก็ใช้สูตรที่แตกต่างกันไป

บาริสต้ากำลังดริปกาแฟ

คุณฟอร์ดดริปกาแฟร้อน โดยใช้อัตราส่วน 1:15 กาแฟ 16 กรัม น้ำ 240 กรัม โดยเน้นเทที่ขอบนอก เนื่องจากเป็นคนที่เทน้ำค่อนข้างแรง หากเทตรงกลางและวนมากเกินไป จะทำให้กาแฟสกัดเกินพอดี มีรสชาติติดขมและฝาดได้ เทคนิคดังกล่าวจะช่วยทำให้กาแฟค่อย ๆ สกัด และออกมารสชาติดีกว่าสำหรับคุณฟอร์ด

เทครั้งที่ 1 - เทน้ำไปที่ 30 กรัม เพื่อบลูมกาแฟโดยใช้เวลาประมาณ 35 วินาที

เทครั้งที่ 2 - เทน้ำไปที่ 120 กรัม

เทครั้งที่ 3 - เทน้ำไปที่ 200 กรัม

เทครั้งที่ 4 - เทน้ำไปที่ 240 กรัม เป็นอันจบพร้อมเสิร์ฟที่เวลาประมาณ 2.30-2.40 นาที

ชาเขียว-มัทฉะ Ceremonial Grade

นอกจากกาแฟตัวเด็ดแล้ว Hario ยังป้ายยาชาเขียวเราด้วย เราเองไม่ใช่คอชาหรือมัทฉะ และไม่ได้มีความรู้อะไรเกี่ยวกับชาเลย คุณฟอร์ดบาริสต้าจากฝั่งกาแฟก็รับหน้าที่ชงชาและให้ความรู้กับเรา "ชาเขียวของเรากิโลละหนึ่งหมื่นบาท" เขาอธิบายว่าเป็นมัทฉะที่เรียกว่า "Ceremonial Grade" ซึ่งแตกต่างจาก Commercial Grade ที่ใช้กันทั่วไป ที่ผ่านกรรมวิธีต่าง ๆ นานา ในการคัดเลือกเฉพาะยอดอ่อนใบชามาใช้ จึงทำให้ราคาสูงมาก ได้ผงละเอียดไม่เหลือเป็นตะกอน ให้กลิ่นหอมและรสชาติที่เข้มข้นกว่ามาก ซึ่งคุณฟอร์ดเองก็ชงชาทั้งสองเกรดเพื่อให้เราดื่มเปรียบเทียบกัน และเราก็รับรู้ได้ตามนั้นจริง ๆ

กรองผงมัทฉะ ชงมัทฉะหรือชาเขียว เทมัทฉะใส่เหยือกเสิร์ฟ เปรียบเทียบความแตกต่างของมัทฉะ

บรรยากาศสบาย สไตล์โมเดิร์นเจแปนนิส

สิ่งที่คนทำงานใจกลางเมือง อย่างเช่นย่านสุขุมวิทมองหาในร้านกาแฟ นอกจากกาแฟรสชาติดีอร่อยถูกใจแล้ว บรรยากาศสบายน่านั่งก็สำคัญไม่แพ้กัน Hario Cafe Bangkok สุขุมวิท 33 ออกแบบในสไตล์โมเดิร์นเจแปนนิส ให้กลิ่นอายญี่ปุ่นที่เป็นต้นกำเนิดของ Hario ด้วยความสูงของเพดานบริเวณบาร์กาแฟจึงทำให้เกิดสเปซที่ไม่อึดอัดเลย แม้จะเป็นช่วงที่มีคนเยอะก็ตาม ถ้าเลือกนั่งดื่มกาแฟที่ชั้น 2 ก็สามารถมองลงมายังบาร์กาแฟด้านล่างได้ทั้งสองบาร์ เหมาะกับการพักสายตาจากจอแล็ปท็อปไปซุ่มมองบาริสต้าทำกาแฟเป็นอย่างยิ่ง ที่สำคัญมีห้องประชุมให้เช่าเป็นรายชั่วโมง สามารถนัดลูกค้าคุยงานหรือประชุมไปพร้อมกับการดื่มกาแฟ และทานขนมอร่อย ๆ ได้ด้วย

มองจากชั้นสองของ Hario Cafe Bangkok
ที่นั่งในชั้นสองและห้องประชุมของ HHario Cafe Bagkok
ที่นั่งเหนือโซนสปีดบาร์
ที่นั่งเหนือโซนสปีดบาร์ มองลงมาที่สปีดบาร์

Hario Cafe Bangkok น่าจะถูกใจทั้งสายดื่มและสายอุปกรณ์กาแฟ เพราะที่นี่มีทุกอย่างให้เลือกซื้อสมชื่อแบรนด์ผู้ผลิตอุปกรณ์กาแฟ บรรยากาศก็เหมาะกับการนัดเพื่อนมาพูดคุยดื่มชากาแฟ หรือจะนั่งทำงานก็มีหลายมุมที่ให้ความเป็นส่วนตัวได้ดีเลย หรือจะซื้อเมล็ดกาแฟติดมือกลับบ้านไปลองทำกาแฟดื่มเองที่บ้านเหมือนเราก็ได้นะ

ชั้นวางอุปกรณ์ทำกาแฟ
มุมขายเมล็ดกาแฟ
ด้านหน้าร้านกาแฟ Hario Cafe Bangkok

ขอขอบคุณ

Share