ในปัจจุบันที่มีร้านกาแฟผุดขึ้นมากมาย ซึ่งแต่ละร้านก็มีความโดดเด่นแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นรสชาติกาแฟเมนูต่าง ๆ หรือการออกแบบร้านกาแฟที่สวยงามขึ้นกล้อง จนใครต่อใครต่างพากันไปเช็คอิน ถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดีย จนบางทีก็หลงลืมกาแฟแก้วที่สั่งไปเสียอย่างนั้น ความคิดดังกล่าวไม่ใช่แค่เพียงเราที่มองเห็น แต่ร้านกาแฟรุ่นใหม่ไฟแรงมากย่านแบริ่ง ที่นิยามตัวเองว่า COFFEE AND PROJECT SPACE อย่าง XXXYYY ก็สังเกตเห็นเหมือนกับเรา จนเกิดเป็นแคมเปญสนุก ๆ ระหว่างเมนูกาแฟและความคิดสร้างสรรค์ในร้าน วันนี้เราชวนมาดื่มกาแฟนั่งคุยกับ ไนน์ และ หลิง สองคนกาแฟรุ่นใหม่จากวงการออกแบบ ที่นำ X และ Y มาเจอกัน โดยแทนค่า X ด้วย COFFEE แทนค่า Y ด้วย PROJECT SPACE และทำทั้ง X และ Y อย่างจริงจังไม่แพ้กัน
เมนูกาแฟของพวกเขาเองก็ไม่ต้องจากกระบวนการคิดงานเชิงสร้างสรรค์ ที่สร้างความสนุก แปลกใหม่ ผสมผสานกับงานออกแบบเชิงกราฟิกที่พวกเขาถนัด เพื่อทำให้ทุกคนเข้าถึงกาแฟได้แบบไม่ขัดเขิน หลิงเล่าให้เราฟังว่า เมื่อ X ถูกแทนค่าเป็น “เมนูกาแฟ” ก็อยากให้มันจริงจัง ถ่ายทอดออกมาเป็นกระบวนการให้เห็น
การทำบาร์กาแฟของ XXXYYY จะเปิดโล่งมองเห็นการทำงานทุกอย่าง วัตถุดิบอย่างเมล็ดกาแฟจะถูกวางไว้บนบาร์เพื่อให้ทุกคนที่เดินเข้ามามองเห็น “เราหมุนเวียนเมล็ดกาแฟไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น เอธิโอเปีย โคลัมเบีย ฮอนดูรัส เพราะมีคอกาแฟที่ชอบมาทดลองกาแฟตัวใหม่ ๆ อยู่เสมอ ส่วนบาร์อีกฝั่งจะเป็นส่วน Slow Bar ที่ใช้เมล็ดกาแฟของ wonderroom.bkk ซึ่งเป็น Beans Curator และเป็นเพื่อนของทั้งหลิงและไนน์ ด้วยความที่เป็น Micro Roaster หรือโรงคั่วขนาดเล็กและเป็นเพื่อน ทำให้คุยกันง่ายว่าเราต้องการแบบไหน กะเกณฑ์ช่วงเวลาการคั่วเมล็ดกาแฟให้เราขายหมดพอดี ภายในช่วงเวลาที่กาแฟยังอร่อยได้ ส่วน House Blend เราใช้ปางของซึ่งเป็นเมล็ดกาแฟไทย เน้นดื่มง่าย” หลิงและไนน์ช่วยกันอธิบายถึงเมล็ดกาแฟที่ใช้ให้เราฟัง
“มันจะไม่ได้เป็นแกลเลอรีที่อาร์ตมาก ๆ หรือว่าเป็นที่ที่แบบ...ดีไซน์เนอร์จ๋า แต่เราอยากให้งานที่เรียกว่าศิลปะหรือว่างานดีไซน์ มันเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันคนมากขึ้น จับต้องได้มากขึ้น แล้วก็พูดกันในภาษากันเองมากขึ้น” ทั้งสองพูดถึงพื้นที่ความคิดสร้างสรรค์ที่แทรกตัวอยู่ในการดื่มกาแฟ และบอกเราว่าอยากขายเมนูกาแฟแบบสร้างสรรค์ ที่ทำให้คนไม่รู้สึกเกร็งกับการดื่มกาแฟ ให้กาแฟไม่ใช่เรื่องยากจนน่าปวดหัว XXXYYY จึงใช้การทำคอนเทนต์รายเดือนในรูปแบบงานกราฟิกดีไซน์ โดยผูกกับเทศกาลต่าง ๆ หรือนำเรื่องราวที่เห็นจากการเฝ้าสังเกตพฤติกรรมลูกค้าในร้าน มาต่อยอดเป็นแคมเปญที่มักโดนใจใครหลายคน
เราชอบโปรเจกต์นี้มากจนอยากชวนทั้งสองคนคุยมานานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสสักที ทั้งสองเล่าให้ฟังด้วยความตั้งใจและสนุก จนเรารู้สึกได้ถึงความจริงในสิ่งที่พวกเขาคิดและพยายามเล่าออกมา “เราสังเกตเห็นว่าบางทีพอเราจัดร้านให้ดูอาร์ต ดูมีดีไซน์ กลายเป็นว่างานเรา กลายเป็นแบ็คกราวน์แล้วกาแฟที่ถูกสั่งไว้ มันก็ถูกลืม อยากให้กินมันก่อนในช่วงเวลาที่มันยังอร่อย ก็เลยตั้งชื่อมินิแคมเปญว่าแบบ Coffee First, Photo Later” โปรเจกต์เล็ก ๆ นี้ จะเป็นการชักชวนกันมาพูดคุยเรื่องกาแฟและเบเกอร์รี่ ผ่านแนวคิดดังกล่าว นอกจากนี้ยังใส่ลูกเล่นลงไปในขวดกาแฟสำหรับส่งผ่านบริการเดลิเวอรี่ โดยให้คำว่า Coffee First, Photo Later กลับด้าน เมื่อดื่มจนหมดแล้วจึงจะเห็นคำที่อ่านได้แบบไม่กลับด้านจากด้านในขวด (น่ารักเชียว)
ในช่วงสถานการณ์โควิดที่เปิดร้านไม่ได้ XXXYYY ซึ่งเป็นพื้นที่ความคิดสร้างสรรค์ ที่มีการจัดแสดงงานนิทรรศการในร้านก็ไม่สามารถจะจัดแสดงและเชิญคนมาดูได้ จึงเกิดแนวคิดที่จะนำการจัดแสดงนิทรรศการไปหาคนดื่มกาแฟที่บ้านขึ้น “เราทำมินิโปสเตอร์หน้าขวดของเมนูชื่อว่า Milky Way ค่ะ ออกแบบโปสเตอร์มา 7 ลาย ให้ลูกค้าเลือกสะสม ให้ Curate งานนี้ไปอยู่ที่บ้านผ่านเดลิเวอรี่ เป็น Exhibition at Your Door อะไรอย่างนี้ ” ซึ่งในแอปพลิเคชันเดลิเวอรี่ส่วนที่เป็นตัวเลือก แทนที่จะเป็นการเลือกเกี่ยวกับเมนู เช่น ท็อปปิ้ง ก็จะเป็นการเลือกโปสเตอร์ที่อยากสะสม ทั้งคู่เล่าว่าผลตอบรับออกมาดีมาก
“เป็นตัวที่ Process มากที่สุด น่าจะเป็นที่จดจำของใครหลายคนมากที่สุด” ทั้งสองเล่าถึงเมนูเครื่องดื่มที่ชื่อ Sip & Crisp ซึ่งเป็นเมนูที่ผ่านกระบวนการคิดมาเยอะ หลังจากที่ทำมาให้เราชิมเป็นที่เรียบร้อย อร่อยเคี้ยวกรุบสมชื่อ ความกรุบกรอบนี้เกิดจากการ collab กับเพื่อนที่ทำคอร์นเฟลคแบรนด์ mamiimade ที่แม่เป็นคนทำลูกเป็นคนขาย โดยชวนกันมาทดลองทำเมนูด้วยกัน ช่วยกันหาว่าจับคู่กับเครื่องดื่มไหนของร้านแล้วลงตัวที่สุด จากขนมกินเล่นที่ได้ชื่อว่าเป็น Master of Topping ที่มีสโลแกนว่า “Your Favorite 8 hours กินหมดใน 8 ชั่วโมง” ก็ได้มาอยู่กับเมนูกาแฟอย่างลงตัวพอดี ยกดื่ม สัมผัสกับตัวครีมหอมนุ่มบวกกาแฟเข้มข้น ตามด้วยความกรุบกรอบ หรือจะคนให้เข้ากันเป็นกาแฟนมก่อนแล้วดื่มไปพร้อมกันเลยก็ได้
ความดิบของวัสดุที่หยอดด้วยสีป๊อบ ๆ สดใส คือที่มาขอคำว่า “Pop Loft” นิยามสไตล์ร้าน XXXYYY ด้วยการออกแบบที่ล้อไปกับบริบทที่ตั้งร้าน ที่อยู่ในโซนที่มีโรงงานเยอะ มีกลิ่นอายของความ Industrial วัสดุที่ถูกหยิบจับมาใช้ในการออกแบบในร้านจึงเป็น Raw Material เสียส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นผนังเปลือย โครงเหล็กฉาก หรืองานท่อที่ไม่ต้องเก็บงานให้ดูเนี๊ยบไปเสียหมด ที่เราว่าเป็นจุดเด่นของร้านเลยก็คือ “การออกแบบเฟอร์นิเจอร์” ซึ่งน่าจะเป็นงานถนัดของทั้งสองที่เรียนและทำงานในสายนี้มาก่อน จะเห็นว่ามีแนวคิดของการเอา x และ y มาเจอกัน อย่างแนวคิดโต๊ะข้างทางของพี่วินมอเตอร์ไซค์ ที่หยิบจับวัสดุใกล้ตัวมาต่อเป็นโต๊ะเก้าอี้ที่ใช้ได้จริงให้เราเห็นอยู่บ่อย ๆ ซึ่งการออกแบบตกแต่งร้านและเฟอร์นิเจอร์แปลกตานี้มาจากฝีมือของ Thinkk Studio
* งาน Exhibition หรือโชว์เคสจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปตลอด สามารถติดตามผ่านช่องโซเชียลมีเดียของร้านได้
Share